Fluttershy - Text Select

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กฎการใช้ Can Could และ May Might

Can Could แปลว่า "สามารถ"
1.ใช้กล่าวถึงความสามารถว่าสามารถทำสิ่งนี้สิ่งนั้นได้ เช่น I can play the piano. I can speak French.ในรูปประโยคปฎิเสธและคำถามสามารถใช้ can ได้เลยเช่น She can't drive.Can you drive?
2.เราจะไม่ใชั can กับ infinitive หรือ participles แต่เมื่อจำเป็นเราจะใช้คำอื่นแทน เช่น Are you be able to go home late? She will be able to drive soon.
3.Could เป็น past ของ can เราใช้ could สำหรับความสามารถทั่วไป หรือการอนุญาต เช่น 
She could speak three languages when she was five. He finished his home work. He could go out to play. 
3.1 กับความสามารถ (ability) I can use a computer. 
3.2 การขอหรือการให้อนุญาต Can I use your bicycle? You can leave early today. แต่ถ้าเป็นแบบสุภาพหรือเป็นทางการเราจะใช้ Could เช่น Could you hand me that book, please? 
3.3 การขอร้อง (requests) Can you....? Could you...? สุภาพกว่า Do you think you could...? 
Can you take this bag? Could you loan a hundred baht? Do you think you could help me move this box? 
3.4 เสนอตัวเพื่อช่วยเหลือ (offers) เช่น Can I turn the air on for you ?
3.5 พูดถึงความเป็นไปได้และคาดคะเนในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น (possibility and probability) ใช้ can กับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ เช่น This road can be dangerous at night.
กฎการใช้ May Might
1.ใช้กับการพูดถึงการมีโอกาสของบางสิ่งบางทีอาจเป็นจริงหรืออาจจะเกิดขึ้น เช่น
We may take a day off next week.He might call me tonight.
2. might ไม่ได้เป็น past ของ may เราจะใช้ might เมื่อเรามีโอกาสที่น้อยกว่า may เช่นI may go to visit my parents in this weekend. (บางทีโอกาสจะเป็น 50%) Jane might go with me. (บางทีโอกาสจะเป็น 30% )
3.การใช้ may/might กับ have ใช้แสดงการคาดคะเนที่อาจจะเกิดขึ้นในอดีต may/might + have +V3She may have gone out when I phoned her.
A: I can't find my book.
B:You might have left it at school.
4. ใช้ may might ในการขออนุญาตเช่นMay I sit here?I wonder if I might have another cup of coffee?
5. ใช้ may ในการอนุญาตและไม่อนุญาตเช่น Children may not play alone in the pool.
A: May I turn the TV on?
B: Yes, of course you may.

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การใช้ shall, should

shall  แปลว่า  จะ  มีรูปเป็นอนาคต เดิมใช้เฉพาะ  I shall,  We shall  
          แต่ในปัจจุบันนิยมใช้  I will, We will  และกริยาที่ตามหลังมาจะต้องเป็น  V1  เสมอ  

should  เป็นอดีตของ shall  แต่นำมาใช้ในความหมายว่า ควรจะ  เป็นการเสนอแนะ  หรือปรึกษา 
             ส่วนคำว่า  should have +V3 มีความหมายว่า ควรจะได้ทำ (ยังไม่ได้ทำ) เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ตรงข้ามกับความจริงในอดีต ใช้ได้กับทุกประธาน

ตัวอย่าง

Shall I do it ?.
จะให้ฉันทำไหม

Shall we go ?.
พวกราจะไปไหม

I shall do it.  ที่นิยมใช้คือ  I will do it.
ฉันจะทำมัน

You should obey your mother.
คุณน่าจะเฃื่อฟังแม่ของคุณนะ (คุณน่าจะอยู่ในโอวาทของแม่ของคุณนะ)

You should get up early
คุณควรตื่นนอนแต่เช้า

Should I buy this one ?.
ฉันควรจะซื้ออันนี้หรือเปล่า 

Should I contact her ?
ฉันควรจะติดต่อหล่อนไหม

You should have told me about it.
คุณควรจะได้บอกฉันเรื่องนั้นนะ (แต่ไม่ได้บอก)

He should have gone to the meeting.
เขาควรจะได้ไปประชุม  (แต่ไม่ได้ไป)

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

If Clauses


If Clauses หรือ Conditional Sentences
คือ ประโยคที่มีข้อความแสดงเงื่อนไข (conditions) หรือการสมมุติ
ซึ่งประกอบด้วยประโยคเล็ก 2 ประโยครวมกัน และเชื่อมด้วย conjunction "if"
ประโยคที่นำหน้าด้วย if แสดงเงื่อนไข เราเรียกว่า if-clause
และประโยคที่แสดงผลเงื่อนไขนั้น เราเรียกว่า main clause
If it rains , I shall stay at home.
(If-clause) (main clause)


If + Present Simple , Future Simple.......(type 1)
(if-clause) (main clause)

If + Past Simple , S + would + V1 ........(type 2)
(if-clause) (main clause)


If + Past Perfect , S+would/should + have +V3.........(type 3)
(If- clause) (main clause)


Conditional Sentences แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. TYPE ONE เป็นการสมมติถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันหรืออนาคต
แสดงเงื่อนไขที่น่าจะเป็นไปได้ (possible condition)

If he goes to London , he will meet his old friend.

2. TYPE TWO เป็นการสมมติในปัจจุบันที่บอกความสงสัย (doubt)
แสดงเงื่อนไขที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ (impossible condition)

If I were you , I would go to study abroad.

3. TYPE THREE เป็นการสมมติในอดีต แสดงเงื่อนไขที่ไม่อาจเป็นไปได้เลย และตรงกันข้ามกับความเป็นจริงในอดีต
If I had known your arrival , I would have met you at the airport.
If you had gone to party last night , you would have seen your girlfriend.

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Active Voice / Passive Voice


Voice    หมายถึงวิธีพูด     Active Voice  หมายถึงรูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้กระทำหรือแสดงกริยานั้นโดยตรง   เช่น
The dog bit the boy.  สุนัขกัดเด็กชาย  ( สุนัขเป็นประธานผู้กระทำโดยตรง และเด็กชายเป็นกรรม)
Dara will present her research at the conference.
Susan is cooking dinner.
They are going to build  a new house  soon.
Passive Voice  หมายถึงรูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้ถูกกระทำกริยานั้นโดยผู้อื่น

หลักการใช้  Passive Voice มีดังนี้

  • ให้ความสำคัญกับกรรม  ( object ) ของประโยคหรือสิ่งที่ถูกกระทำมากกว่าประธาน   หรือไม่สนใจว่าใครทำแต่สนใจผลที่เกิดขึ้น เช่น
    Your bicycle has been damaged.  รถจักรยานของคุณถูกทำเสียหาย
    ( ประโยคนี้ไม่สนใจว่าใครเป็นคนทำ  สนใจแต่เพียงว่ามีการเสียหายเกิดขึ้น  เช่นเดียวกับประโยคต่อไป)
    Rules are made to be broken. ( by ? )
    Police are being notified ( by? ) that three prisoners have escaped.
    Everything will have been done by Tuesday.
  • ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงผู้กระทำ เนื่องจากรู้กันอยู่แล้ว
    The thieves were all arrested .  ( เป็นทั่รู้กันอยู่ว่าผู้จับน่าจะเป็นตำรวจ )
    English is spoken here.  ( ผู้ที่พูดคือคนโดยทั่วไป )
  • เมื่อไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ
    Printing was invented in China. ( ผู้คิดค้นเป็นใครไม่ทราบ )

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12


Present Tense
  1. Present Simple (S. + V.1)
  2. Present Continuous (S. + is/am/are + V.ing)
  3. Present Perfect (S. + has/have + V.3)
  4. Present Perfect Continuous (S. + has/have been + V.ing)
Past Tense
  1. Past Simple (S. + V.2)
  2. Past Continuous (S. + was/were + V.ing)
  3. Past Perfect (S. + had + V.3)
  4. Past Perfect Continuous (S. + had been + V.ing)
Futere Tense
  1. Future Simple (S. + will/shall + V.1)
  2. Future Continuous (S. + will/shall be + V.ing)
  3. Future Perfect (S. + will have + V.3)
  4. Future Perfect Continuous (S. + will/shall have been + V.ing)